หากจะมีส่วนให้ความรู้ให้ประโยชน์ต่อท่านบ้าง
ติชม เสนอแนะ ถามปัญหา
ได้ที่
ice@icelectronic.com
จะขอบคุณยิ่ง
หน้าต่อไป:
มัลติมิเตอร์
ควรดู: แรงดันและกระแส
ด้วย
หน้าปัดแสดงผลแบบอนาลอกจะมีเข็มเคลื่อนที่ชี้บนเสกลที่ถูกแบ่งเป็นช่องที่มีตัวเลขกำกับ
ซึ่งค่อนข้างยากในการอ่านค่าจากเสกลที่ถูกแบ่งออกเป็นช่อง
เล็กๆถี่ยิบ ตัวอย่างในรูป
เสกลระหว่าง 0 และ 1
ถูกแบ่งเป็น 10 ช่องเล็กๆ 1
ช่องเท่ากับ 0.1
ดังนั้นค่าที่อ่านได้คือ 1.25V
(เข็มจะชี้อยู่ประมาณกึ่งกลาง
ระหว่าง 1.2 กับ 1.3)ค่าสูงสุดที่อ่านได้จากมิเตอร์แบบอนาลอกคือตีเต็มเสกล(FSD) ( ตามตัวอย่างในรูปคือ 5V)
เวลาต่อสายวัดมิเตอร์อนาลอกต้องต่อให้ถูกขั้ว หากผิดขั้วเข็มจะตีกลับและอาจทำให้เสียหายได้ มิเตอร์อนาลอกมีประโยชน์มากในการวัดเพื่อเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงค่าอย่างต่อเนื่อง (เช่นการวัด แรงดันคร่อมตัวเก็บประจุที่กำลังคลายประจุ) และเหมาะสำหรับในกรณีต้องการอ่านค่าหยาบแต่รวดเร็ว เพราะการเคลื่อนที่ของเข็มสามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องละสายตาจากวงจรที่กำลังวัด
![]() |
![]() |
| ถูก เงาเข็มจากกระจกถูกบัง |
ผิด มองเห็นเงาเข็ม |
มิเตอร์บางรุ่นไม่ใช้กระจกแต่จะใช้การบิดที่ปลายเข็ม 90 องศา เพื่อให้ด้านบางของเข็มชี้เสกลซึ่งก็ช่วยให้อ่านได้แม่นยำยิ่งขึ้น มิเตอร์ที่แสดงไว้ในส่วน ของ กัลวาโนมิเตอร์ จะมีเข็มแบบบิดปลาย ซึ่งจะเห็นว่าบางมาก
เราสามารถอ่านค่าได้ง่ายและถูกต้องโดยอ่านจากตัวเลขที่แสดงผล
ปกติตัวเลขที่แสดงค่าเศษน้อยๆด้านขวาจะเปลี่ยนแปลงค่าสองหรือสามค่าตลอดเวลา
ซึ่งไม่ใช่ผิดพลาดแต่เป็นลักษณะการทำงานของดิจิตอลมิเตอร์
และถ้าเราไม่ต้องการความแม่นยำมากนัก
ค่าตัวเลขเศษน้อยๆก็ไม่ต้องไปใส่ใจดิจิตอลมิเตอร์เวลาเราต่อขั้วสายวัดผิดหรือกลับกันจะไม่เกิดความเสียหายและจะแสดงเครื่องหมายติดลบ(-)หน้าตัวเลข เมื่อค่าที่วัดสูงเกินกว่าย่านที่เลือกไว้ดิจิตอลมิเตอร์ส่วนใหญ่จะแสดงค่าว่าง เปล่าคือมีเพียงเลข 1 อยู่ด้านซ้ายสุด บางยี่ห้อการเลือกพิสัย(range)การวัดจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ดิจิตอลมิเตอร์ส่วนใหญ่หรือทั้งหมด
ใช้กำลังงานจากแบตเตอรี่
จึงไม่มีการใช้กำลังงานจากวงจรที่ทดสอบอยู่เลย
นั่นหมายถึงตัวดิจิตอลมิเตอร์จะมีความต้านทานสูงมาก
(ปกติเรียกว่าอิมพิแดนซ์
ด้านเข้า) เช่น 1M
หรือมากกว่า เป็นต้นว่า 10M
เวลาวัดจึงไม่เกิดผลต่อวงจรที่ทดสอบ
สำหรับการใช้งานทั่วไป ดิจิตอลมิเตอร์จะเหมาะที่สุด เพราะอ่านง่าย ต่อขั้วกลับได้ และไม่เกิดผลต่อวงจรที่ทดสอบ
|
|
|
สายวัดมิเตอร์ บวกสีแดง ลบสีดำ |
![]() |
| การต่อโวลท์มิเตอร์แบบขนาน |

อนาลอกมิเตอร์จะกินกำลังจากวงจรที่ทดสอบเล็กน้อย ซึ่งอาจจะทำให้วงจรผิดปกติและค่าที่อ่านได้ ไม่ถูกต้อง และเพื่อป้องกันสิ่งนี้โวลท์มิเตอร์จำเป็นต้องมีความต้านทานอย่างน้อย 10 เท่าของความ ต้านทานวงจร
อนาลอกโวลท์มิเตอร์ที่มีความต้านทานต่ำเพียง2-3
k
ไม่เหมาะที่จะใช้วัดวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ต้องอย่างน้อย 100k
หรือสูงกว่าถึงจะดี
![]() |
|
การต่อแอมป์มิเตอร์แบบอนุกรม |

การที่ต้องตัดวงจรเพื่อต่อแอมป์มิเตอร์อนุกรม ทำให้เกิดความยุ่งยากหากว่าเป็นวงจรที่ถูกบัดกรีเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในการทดสอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์จึงนิยมใช้โวลท์ มิเตอร์วัด ซึ่งสามารถต่อวัดได้สะดวกกว่าง่ายกว่า โดยไม่ต้องตัดวงจร
กัลวาโนมิเตอร์เป็นมิเตอร์ที่มีความไวสูง
ใช้สำหรับวัดกระแสน้อยๆ เข่น 1mA
หรือต่ำกว่า
เราสามารถนำมาทำเป็นอนาลอกมิเตอร์ได้ทุกชนิด
โดยการเพิ่มเติมตัวต้านทานตามความเหมาะสม
ดังแสดงในแผนภาพข้างล่าง
ส่วนรูปซ้ายมือเป็นกัลวาโนมิเตอร์
100µA สำหรับใช้ในการศึกษา
ซึ่งมีตัวคูณ(multipliers)และชันท์ (shunts)หลายค่าให้เลือก![]() |
![]() |
|
| การทำโวลท์มิเตอร์ กัลวาโนมิเตอร์ทำเป็นโวลท์มิเตอร์โดยการต่อความ ต้านทานค่าสูงเป็นตัวคูณอนุกรมเข้าไป |
การทำแอมป์มิเตอร์ กัลวาโนมิเตอร์ทำเป็นแอมป์มิเตอร์ โดยการต่อความ ต้านทานค่าต่ำเป็นชันท์ ขนานเข้าไป |
กัลวาโนมิเตอร์พร้อมตัวคูณ(multiplier)และชันท์(shunt) |
โอห์มมิเตอร์ใช้สำหรับวัดความต้านทานค่าเป็นโอห์ม
(1k
= 1000
,
1M
= 1000k
= 1000000
.
![]() |
![]() |
|
อนาลอก มัลติมิเตอร์ |
ดิจิตอล มัลติมิเตอร์ |
| รูปมัลติมิเตอร์ของ Rapid Electronics | |
มัลติมิเตอร์บางแบบจะมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น ใช้ทดสอบทรานซิสเตอร์ได้ วัดค่าความจุ หรือวัดความถี่ได้
มัลติมิเตอร์แบบอนาลอกก็คือ กัลวาโนมิเตอร์ ที่มีตัวต้านทานหลายๆตัวต่อไว้และสามารถปรับเลือกได้ เช่น เลือกตัวคูณ(พิสัยของโวลท์มิเตอร์)และเลือกชันท์(พิสัยของแอมป์มิเตอร์)
รายละเอียดมากกว่านี้กรุณาดูที่หน้า มัลติมิเตอร์